สอบถามเพิ่มเติม โทร 081 6217750
ไลน์ @pingponginter
การเลือกใช้ยางปิงปอง และ ความรู้เกี่ยวกับยางปิงปองประเภทต่างๆ

คำแนะนำการเลือกใช้ยางปิงปอง

ยางปิงปอง คือ อุปกรณ์ที่จะให้ความหมุน (Spin) , ความเร็ว (Speed) และ การควบคุม (Control) ให้กับลูกปิงปอง

ยางปิงปองที่จะสามารถใช้ในการแข่งขันได้จะต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ ( ITTF Approved ) จึงจะสามารถนำไปใช้ในการแข่งขันได้  

ยางปิงปองจะมีลักษณะเป็นแผ่นสี่เหลี่ยม  และเมื่อจะใช้งานจึงต้องประกอบเข้ากับไม้เปล่าก่อน  โดยหากจะนำไปใช้ในการแข่งขันจะต้องติดให้พอดีกับของของไม้เปล่า  ไม่สามารถติดให้เกินขอบไม้หรือใช้แผ่นยางแบบไม่เต็มหน้าไม้ติดลงไปแข่งขันได้  ซึ่่งผู้ตัดสินสามารถใช้ดุลยพินิจว่าจะอนุญาตลงทำการแข่งขันได้หรือไม่

RUBBER 1

ยางปิงปองตามกติกามีทั้งหมด 4 ประเภท ดังนี้

1. ยางเรียบ PIMPLE IN

ยางเรียบ คือ ยางที่ด้านบน TOP SHEET จะเป็นแผ่นเรียบเท่ากันทั้งหมด  และจะต้องมีฟองน้ำ SPONGE รองรับหน้ายางไว้

คุณสมบัติ : ยางเรียบจะให้ความหมุนและความเด้งกับลูกปิงปอง

- ฟองน้ำแข็ง จะให้ความเด้งได้ดีกว่าฟองน้ำนิ่ม
- ฟองน้ำหนา จะให้ความเด้งได้ดีกว่าฟองน้ำบาง

RUBBER

2. ยางเม็ดสั้น PIMPLE OUT

ยางเม็ดสั้น ด้านบนจะมีลักษณะเป็นเม็ดปุ่มๆ อยู่ด้านบนสุด

คุณสมบัติ : ยางเม็ดสั้นจะให้ความหมุนน้อยกว่ายางเรียบ

- ฟองน้ำแข็ง จะให้ความเด้งได้ดีกว่าฟองน้ำนิ่ม
- ฟองน้ำหนา จะให้ความเด้งได้ดีกว่าฟองน้ำบาง

หมายเหตุ  มียางเม็ดสั้นบางรุ่น ผลิตแบบไม่มีฟองน้ำออก ซึ่งก็จะยิ่งไม่มีความเด้ง 

RUBBER 3

3. ยางเม็ดยาว LONG PIMPLES

ยางเม็ดยาว ด้านบนจะมีลักษณะเป็นเม็ดปุ่มๆ ขนาดยาวกว่ายางเม็ด อยู่ด้านบนสุด  แบ่งออกเป็น 2 แบบ
1. แบบมีฟองน้ำรองรับหน้ายาง
2. แบบไม่มีฟองน้ำรองรับหน้ายาง

คุณสมบัติ : ยางเม็ดยาวจะให้ลูกหมุนที่ตรงกันข้ามกลับไปหาผู้เล่นที่ตีมา

- แบบมีฟองน้ำจะให้ความเด้งได้ดีกว่าแบบไม่มีฟองน้ำ
- ฟองน้ำหนา จะให้ความเด้งได้ดีกว่าฟองน้ำบาง

หมายเหตุ  ยางเม็ดยาวจะมีอยู่อีก 1 ประเภท ที่มีความยาวอยู่ระหว่างเม็ดสั้นและเม็ดยาว  เรียกว่า "ยางเม็ดกึ่ง"  แต่โดยกติกาแล้วทางสหพันธ์ฯ จัดให้อยู่ในหมวดของยางประเภท "ยางเม็ดยาว"

RUBBER

4. ยาง ANTI SPIN

คือยางเรียบ มีฟองน้ำ ที่ไม่ให้ความหมุนใดๆ ต่อลูกปิงปอง

คุณสมบัติ : ให้ความหมุนที่ตรงกันข้ามกลับไป  ยางจะมีความเด้งน้อยกว่ายางเรียบและยางเม็ดสั้น 


RUBBER

ยางแต่ละประเภทข้างต้น  จะมีวิธีเทคนิคการฝึกซ้อมที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นผู้ฝึกต้องเรียนรู้วิธีในการฝึกให้ถูกต้องกับยางแต่ละประเภท

สำหรับประเทศผู้ผลิตยางปิงปองนั้น  ในโลกนี้จะมีแหล่งผลิตอยู่ 3 ประเทศหลัก คือ จีน , ญี่ปุ่น และเยอรมัน    เนื่องจากใน 3 ประเทศนี้มีผู้นิยมเล่นกีฬาปิงปองเป็นจำนวนมาก  ซึ่่งก็ผลิตจำหน่ายทั้งในประเทศและส่งออกไปจำหน่ายยังทั่วโลก

ซึ่งคุณสมบัติของยางเรียบ(ซึ่งเป็นยางที่นิยมเล่นกันมากกว่ายางเม็ด) ที่ผลิตจากทั้ง 3 ประเทศนี้ ก็จะมีข้อแตกต่างกันอีกเช่นกัน  โดยแต่ละประเทศก็จะมีเอกลักษณ์เป็นของตนเอง เช่น ยางจีนจะมีเอกลักษณ์ที่หน้ายางจะเหนียว(TACKY , STICKY)  มีน้ำหนักมาก ความเด้งจะค่อยมาก  ส่วนยางญี่ปุ่นและยางเยอรมันก็จะมีลักษณะที่ใกล้เคียงกันมากทั้งหน้ายาง (TOP SHEET) และ ฟองน้ำ (SPONGE)  ซึ่งคุณสมบัติที่แตกต่างกันนี้ก็จะส่งผลถึงวิธีการตีที่แตกต่างกันและต้องฝึกซ้อมไม่เหมือนกัน  ผู้ที่เล่นยางก็จะต้องฝึกซ้อมวิธีการตีให้ถูกกับยางที่ผลิตมาจากแต่ละประเทศอีกเช่นกัน

รวมถึงในระยะหลังนี้ ทั้งยางญี่ปุ่น และ ยางเยอรมัน ก็เริ่มที่จะปรับเปลี่ยนการผลิตหน้ายางโดยให้มีคุณสมบัติให้ใกล้เคียงกับยางจีนแล้ว  การฝึกซ้อมจึงต้องปรับให้เหมาะกับลักษณะของหน้ายางแต่ละแบบจึงจะทำให้ประสิทธิภาพของยางปิงปองแสดงผลลัพธ์ได้อย่างเต็มที่

TACKY , STICKY

RUBBER TACKY

หน้ายางแบบเหนียว 

จะมีจุดเด่นเรื่องการยึดเกาะลูกได้ดี ส่งให้ผลตีลูกได้หมุนมาก  แต่ความเร็ว ความพุ่งจะไม่ค่อยมาก เหมาะสำหรับเน้นการตีแบบหมุน

วิธีการตี : ต้องสัมผัสลูกแบบเสียดสีลูกเป็นหลัก 

NON TACKY

RUBBER NON TACKY

หน้ายางแบบไม่เหนียว

จุดเด่นจะอยู่ที่เร็ว ความเด้ง และความพุ่ง  ส่วนความหมุนจะน้อยกว่าหน้ายางแบบเหนียว เหมาะทั้งเร็ว และ หมุน

วิธีการตี : สามารถตีลูกได้ทั้งแบบกระแทกลูก และ เสียดสีลูก 

ในส่วนของยางเรียบนอกเหนือจากหน้ายางด้านบน (Top sheet) แล้ว  ยังต้องคำนึงถึงฟองน้ำ (Sponge) ด้วยเช่นกัน ซึ่งแต่ละแบรนด์ก็จะมีสูตรเฉพาะเป็นของตนเอง   แต่โดยทั่วไปแล้วจะแบ่งฟองน้ำตามความนิ่มของฟองน้ำออกเป็น 3 ระดับความนิ่มดังนี้

1. ฟองน้ำแบบแข็ง (Hard)
2. ฟองน้ำแบบนิ่ม (Soft)
3. ฟองน้ำแบบปานกลาง (Medium)

ซึ่งความนิ่มของฟองน้ำที่แตกต่างกันนี้จะส่งผลถึงความเด้ง,ความเร็ว ที่ให้กับลูกปิงปองดังนี้
1. ฟองน้ำแข็ง  จะให้ความเด้งและความเร็วที่ดี (Speed)
2. ฟองน้ำนิ่ม  จะให้ความเด้งน้อย จะเด่นเรื่องการควบคุมลูกได้ดี (Control)
3. ฟองน้ำปานกลาง  จะให้ความเด้งอยู่ในระดับสมดุล หรืออยู่ระหว่างกลางของความเร็วและการควบคุม

นอกจากนี้วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตฟองน้ำ ยังมีลักษณะทางกายภาพที่แตกต่างกันอีก โดยฟองน้ำในอดีตจะมีลักษณะที่มีความหนาแน่น มีความละเอียดสูง แต่ในปัจจุบันแต่ละแบรนด์ก็จะมีการคิดค้นออกแบบฟองน้ำความหนาแน่นที่แตกต่างกันขึ้น ซึ่งก็แล้วแต่การคิดค้นของแต่ละแบรนด์ และลักษณะทางกายภาพของฟองน้ำก็จะส่งผลให้การตีลูกออกไปแตกต่างกันด้วยเช่นกันครับ

ฟองน้ำเนื้อละเอียด

จะมีน้ำหนักมาก และส่วนใหญ่เนื้อฟองน้ำจะแข็ง ฟองน้ำจะมีความนิ่มให้เลือกได้น้อย จึงได้มีการพัฒนาต่อยอกออกมาเป็นฟองน้ำแบบรูพรุน ซึ่งทำให้มีความนิ่มเลือกได้หลายแบบยิ่งขึ้น

ฟองน้ำแบบรูพรุน

จะให้ความนุ่มและความเด้งที่มากกว่าฟองน้ำเแบบเนื้อละเอียด สามารถเลือกความนิ่มได้หลากหลายความนิ่ม

สำหรับยางปิงปองที่จะสามารถนำไปใช้ในการแข่งขันได้นั้น จะต้องได้รับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติ ITTF Approved จึงจะใช้แข่งขันได้

โดยในยางประเภทยางเรียบ และ ยางแอนตี้ ซึ่งมีข้อสังเกตุดังนี้


สำหรับสีของยางปิงปอง กติกาล่าสุดกำหนดไว้ คือ ด้านหนึ่งจะต้องเป็นสีดำ อีกด้านหนึ่งจะเป็นสีแดง , สีเขียว , สีชมพู , สีฟ้า และ สีม่วง สีใดสีหนึ่งก็ได้ (ห้ามเป็นสีดำเหมือนกัน)

ในส่วนของยางเม็ดยาวและยางเม็ดสั้น นอกเหนือจากยางจะต้องได้รับการรับรองแล้ว มีกติกาที่ควรทราบเพิ่มเติมดังนี้

สำหรับในประเทศที่ให้ความสำคัญกับการรักษากฏระเบียบกติกาของสหพันธ์เทเบิลเทนนิสอย่างเคร่งครัด ซึ่งเป็นเจตนารมณ์หลักของกติกาที่ประเทศสมาชิกต่างๆ ได้ร่วมกันบัญญัติขึ้นมาตั้งแต่ต้น

และเพื่อไม่ให้นักกีฬาเกิดความได้เปรียบเสียเปรียบกันในการแข่งขัน สมาคมฯ ในบางประเทศก็จะมีการประกาศห้ามใช้ยางที่ผิดกติกาลงทำการแข่งขัน โดยจะมีเครื่องมือที่ใช้ในการทดสอบยางเม็ดหลักๆ ดังนี้ (ถึงแม้จะเป็นเครื่องมือที่ ITTF ยังไม่ได้ให้การรับรอง แต่สมาคมฯ ของบางประเทศก็ใช้เครื่องมือเหล่านี้ในการทดสอบ)

ทั้งนี้ยังมีประเด็นข้อถกเถึยงกันในเรื่องของการปรับแต่งสภาพของยางให้เปลี่ยนแปลงไป ในยางทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นยางเรียบที่มีการใช้น้ำยาจูนฟองน้ำให้ขยายตัวขึ้นเพื่อเพิ่มความเด้ง , ยางเม็ดที่ทำให้ค่า Friction น้อยกว่าที่กติกากำหนดไว้ โดยเฉพาะดัดแปลงออกมาจากโรงงานผู้ผลิตโดยตรง ฯลฯ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ทางสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติก็ยังไม่มีกฏระเบียบในการตรวจสอบ รวมถึงเครื่องมือที่ใช้ตรวจเช็คอย่างเป็นทางการออกมา



รายชื่อยางปิงปองที่สหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติให้การรับรอง สามารถตรวจสอบได้ที่นี่ครับ >>> ittf.com



ยางเรียบ PIMPLE IN
1. เป็นยางที่ฝึกเล่นได้ง่าย และให้ประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งด้านความหมุน และ ความเร็ว เป็นธรรมชาติที่สุด
2. เป็นยางที่คนนิยมเล่น มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุด
3. มีทุกระดับราคา และหลากหลายแบรนด์ให้เลือก สาเหตุเพราะมีผู้เล่นยางเรียบเยอะทุกแบรนด์จึงผลิตยางเรียบเป็นหลัก
4. อายุการใช้งาน ขึ้นอยู่กับชั่วโมงในการฝึกซ้อม การเก็บและดูและรักษา

ยางเม็ดสั้น PIMPLE OUT
1. เป็นยางที่นิยมนำมาใช้ในด้านแบ๊คแฮนด์ (มีส่วนหนึ่งนำมาไว้ด้านโฟร์แฮนด์เช่นกัน)
2. เป็นยางที่เน้นให้ความเร็ว มากกว่าให้ความหมุน (แต่ก็ให้ความหมุนได้เช่นกันแต่จะน้อยกว่ายางเรียบ ขึ้นอยู่กับทักษะและความสามารถส่วนตัว)
3. ราคาไม่สูงมาก มีหลากหลายราคาให้เลือกเช่นกัน
4. อายุการใช้งานนาน ความเสียหายต่างๆ ค่อนข้างยาก
5. การฝึก ควรมีโค้ชที่มีความเชี่ยวชาญในการฝึก รวมถึงแบบฝึกต่างๆ รวมถึงวิธีการเล่นก็จะแตกต่างกันออกไป

ยางเม็ดยาว LONG PIMPLE
1. เป็นยางที่นิยมใช้ด้านแบ๊คแฮนด์ (ไม่ค่อยนิยมใช้ด้านโฟร์แฮนด์)
2. เป็นยางที่ให้ความหมุนกลับไปตรงกันข้ามกับความหมุนที่ถูกตีมา
3. ยางจะมีความเร็วต่ำ ลูกจะวิ่งไปช้า หยุดและพุ่งได้ รวมถึงสามารถส่ายไปมาได้
4. อายุงานจะสั้นกว่า ตัวเม็ดมีโอกาสหักเสียหายได้ง่ายกว่ายางเม็ดสั้นและยางเรียบ เมื่อต้องไปเล่นกับคู่แข่งขันที่ตีลูกได้รุนแรง
5. มีหลากหลายราคาให้เลือกเล่น
6. การฝึก ควรมีโค้ชที่มีความเชี่ยวชาญในการฝึก รวมถึงแบบฝึกต่างๆ รวมถึงวิธีการเล่นก็จะแตกต่างกันออกไป

ยางเรียบแอนตี้ ANTI SPIN
1. เป็นยางที่นิยมนำมาใช้ได้แบ๊คแฮนด์ (ผู้เล่นบางคนสามารถหมุนไม้เล่นได้เป็นอย่างดี ขึ้นอยู่กับทักษะความสามารถเฉพาะตัว)
2. เป็นยางที่ไม่สามารถสร้างความหมุนได้ จะให้ความหมุนที่ตรงกันข้ามกลับไปหาผู้ที่ตีมาก
3. สามารถใช้บุกได้ ทั้งลูกตบ (Smash) หรือตีลูกท๊อป (Top spin) ได้ ถ้าได้รับการฝึกมาเป็นอย่างดี
4. ความเร็วค่อนข้างต่ำ ลูกจะวิ่งกลับไปช้ากว่ายางเรียบ ลูกจะมีหยุด มีส่าย หรือมีลักษณะหมุดลงได้
5. มีแบรนด์ที่ผลิตค่อนข้างน้อย
6. ราคาอยู่ระดับกลางๆ ถึงระดับสูงๆ ราคาต่ำๆ ไม่ค่อยมีผู้ผลิตออกมา สาเหตุเพราะยังมีผู้เล่นน้อย
7. เช่นกัน ควรมีโค้ชที่มีความเชี่ยวชาญในการฝึกซ้อมและสร้างแบบฝึกต่างๆ โดยเฉพาะให้