ไม้เปล่า คือ ส่วนของอุปกรณ์ไม้ปิงปองส่วนตัวของนักกีฬาที่ให้ความเร็วกับลูกปิงปองเป็นหลัก
ในส่วนของไม้เปล่านั้น เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องรับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติใดๆ เพียงแต่สหพันธ์ฯ ได้กำหนดไว้เพียงว่า...
- ไม้จะรูปลักษณ์ , ขนาด , ความหนา เท่าใดก็ได้
- วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตจะต้องเป็นเนื้อไม้ธรรมชาติ 85% ขึ้นไป
- หน้าไม้จะต้องแบนและแข็ง
- ชั้นกาว/วัสดุเสริม: ชั้นกาวภายในหน้าไม้สามารถเสริมด้วยวัสดุเส้นใย (เช่น คาร์บอนไฟเบอร์, ใยแก้ว หรือกระดาษอัด) ได้ แต่ต้องมีความหนาไม่เกิน 7.5% ของความหนาทั้งหมด หรือไม่เกิน 0.35 มิลลิเมตร แล้วแต่ว่าค่าใดจะน้อยกว่า
- ในการแข่งขันไม่สามารถใช้ไม้เปล่าๆ ในการตีได้ ต้องมีวัสดุ(ยางปิงปอง) ปิดทับ
ซึ่งไม้เปล่าที่แต่ละแบรนด์ได้ผลิตออกมาจำหน่ายในท้องตลาดนั้น มีมากมายหลากหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นทางร้านฯ จากประสบการณ์ที่เคยเป็นทั้งผู้เล่น เป็นทั้งผู้ฝึกสอน และได้จำหน่ายอุปกรณ์ปิงปองมาโดยตรง จึงได้รวบรวมถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลิตโดยเฉพาะแบรนด์ต่างๆ มีแนวความคิดในการผลิตสินค้าของตนเองเพื่อให้ตรงกับสไตล์การเล่นของผู้เล่น ดังนี้.....
ความเด้ง และ การควบคุม
คือหัวใจของการเลือกไม้เปล่าเพื่อให้เหมาะสมกับตัวเรา
SPEED & CONTROL
ชั้นไม้ (LAYER)
ไม้เปล่าในการผลิตจะมีการนำเนื้อไม้มาวางประกอบกันเป็นชั้นๆ (ตามรูป)
- ยิ่งมีจำนวนชั้นไม้หลายชั้น จะยิ่งให้ความเด้ง (Speed) กับลูกปิงปองมากขึ้น
- ไม้ที่มีชั้นไม้ไม่มาก จะเหมาะสำหรับการควบคุม (Control)
- ในท้องตลาดมีการผลิตออกมาหลากหลาย เท่าที่เคยเห็นมีทั้ง 1 ชั้น , 3 ชั้น , 5 ชั้น , 7 ชั้น , 8 ชั้น , 9 ชั้น
นัำหนัก (WEIGHT)
ไม้เปล่าในการผลิตจะมีน้ำหนักที่แตกต่างกันไป ไม้เปล่ารุ่นเดียวกันน้ำหนักก็ไม่เท่ากัน สาเหตุเพราะวัสดุที่นำมาใช้ทำไม้เปล่าเป็นเนื้อไม้ธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถควบคุมเรื่องน้ำหนักได้ เนื่องจากไม้แต่ละแผ่นมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่หากต้องการไม้ที่หนักตามน้ำหนักที่เราต้องการ
ข้อแตกต่างระหว่างไม้ที่มีน้ำหนักมาก กับ ไม้น้ำหนักเบา
ไม้หนัก
ข้อดี :
- จะตีลูกได้แรง และ ลูกวิ่งเร็วกว่า ลดแรงสะเทือนเมื่อลูกกระทบหน้าไม้
ข้อเสีย :
- การเหวี่ยงไม้จะช้า , ควบคุมลูกหมุนได้ยาก , อ่อนล้าได้เร็ว
ไม้เบา
ข้อดี :
- จะตีลูกหมุนได้ดี ควบคุมทิศทางได้ดีกว่าไม้หนัก
- วงสวิงเพื่อเตรียมตีลูกต่อไปทำได้เร็ว
ข้อเสีย :
- แรงปะทะลูกจะน้อย เมื่อต้องปะทะกับลูกที่มารุนแรง
- ตีลูกได้ไม่รุนแรงเท่าไม้หนัก
น้ำหนักไม้ปิงปองที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับ สไตล์การเล่น และ ความแข็งแรงทางกายภาพ ของแต่ละบุคคลครับ ไม้ปิงปองสำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักมีน้ำหนักรวม (รวมยางแล้ว) อยู่ในช่วง 160 ถึง 200 กรัม โดยประมาณ
o หากคุณเป็นผู้เล่นที่เน้นความเร็วและกำลัง แนะนำเลือกไม้ที่ค่อนข้างหนัก
o หากคุณเน้นการสร้างลูกหมุนและการควบคุม แนะนำไม้ที่เบา เพื่อให้การใช้ข้อมือทำได้ง่ายขึ้น
เนื้อไม้ (WOOD)
ผิวนอกสุด : เนื้อไม้ที่นิยมนำมาผิวชั้นนอกสุด ที่รองรับฟองน้ำของยางปิงปอง ได้แก่...
LIMBA เป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล ควบคุมลูกได้ดี แต่มีพลังสูง
KOTO เป็นไม้เนื้อแข็งและแน่น ให้ความเร็วได้ดี
HINOKI จะเป็นไม้เป็นที่ต้องใช้เวลาปลูกกว่าจะใช้งานได้เป็นเวลานาน เป็นไม้ที่ให้แรงดีดได้ดี และเนื้อไม้มีความนุ่ม เนื้อไม้ประเภทนี้มีทั้งนำมาใช้เป็นผิวไม้ด้านนอกสุด และ นำมาผลิดทั้งแผ่น ( 1 ชั้น ) ซึ่งไม้ 1 ชั้นจะมีราคาที่สูงมาก
WALNUT เนื้อจะแข็ง ให้แรงดีดได้ดี ให้ความเร็วสูง
ROSEWOOD ไม้เนื้อแข็ง แน่น เสียงดัง
สำหรับเนื้อไม้ที่นำมาใช้ในการผลิตเป็นไม้เปล่านั้นมีหลายประเภท ซึ่งเนื้อไม้แต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติความหนาแน่นของเนื้อไม้ที่แตกต่างกัน ซึ่งก็จะให้ความรู้สึกเมื่อลูกปิงปองมากระทบหน้าไม้แตกต่างกันไป โดยประเภทของเนื้อไม้ที่มักจะนำมาผลิตไม้เปล่า มีดังต่อไปนี้...
เนื้อไม้ชั้นใน : เนื้อไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตเป็นแกนกลาง หรือชั้นรองลงมาจากชั้นนอก ได้แก่...
KIRI เป็นไม้เนื้อเบา มีความนุ่มนวลและยืดหยุ่นสูง ควบคุมลูกได้ดี
AYOUS เป็นไม้เนื้ออ่อนถึงปานกลาง น้ำหนักเบา เนื้อไม้ละเอียด ราคาไม่สูง
MAHOGANY เป็นไม้เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นสูง
ขนาดของหน้าไม้ (BLADE SIZE)

สำหรับสไตล์รับหรือติดยางเม็ดยาว

สำหรับนักกีฬาทั่วไป

เหมาะสำหรับเด็กเล็ก
วัสดุที่นำมาแทรกในชั้นไม้ (FIBER)
