สอบถามเพิ่มเติม โทร 081 6217750
ไลน์ @pingponginter
การเลือกใช้ไม้เปล่า และ ความรู้เกี่ยวกับไม้ปิงปองแบบเปล่า

ไม้เปล่า คือ ส่วนของอุปกรณ์ไม้ปิงปองส่วนตัวของนักกีฬาที่ให้ความเร็วกับลูกปิงปองเป็นหลัก  

ในส่วนของไม้เปล่านั้น เป็นอุปกรณ์ที่ไม่ต้องรับการรับรองจากสหพันธ์เทเบิลเทนนิสนานาชาติใดๆ เพียงแต่สหพันธ์ฯ ได้กำหนดไว้เพียงว่า...

-  ไม้จะรูปลักษณ์ , ขนาด , ความหนา  เท่าใดก็ได้
-  วัสดุที่นำมาใช้ในการผลิตจะต้องเป็นเนื้อไม้ธรรมชาติ 85% ขึ้นไป 
-  หน้าไม้จะต้องแบนและแข็ง  
-  ชั้นกาว/วัสดุเสริม: ชั้นกาวภายในหน้าไม้สามารถเสริมด้วยวัสดุเส้นใย (เช่น คาร์บอนไฟเบอร์, ใยแก้ว หรือกระดาษอัด) ได้ แต่ต้องมีความหนาไม่เกิน 7.5% ของความหนาทั้งหมด หรือไม่เกิน 0.35 มิลลิเมตร แล้วแต่ว่าค่าใดจะน้อยกว่า
-  ในการแข่งขันไม่สามารถใช้ไม้เปล่าๆ ในการตีได้ ต้องมีวัสดุ(ยางปิงปอง) ปิดทับ

ซึ่งไม้เปล่าที่แต่ละแบรนด์ได้ผลิตออกมาจำหน่ายในท้องตลาดนั้น  มีมากมายหลากหลายรุ่น แต่ละรุ่นมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่แตกต่างกันออกไป ดังนั้นทางร้านฯ จากประสบการณ์ที่เคยเป็นทั้งผู้เล่น เป็นทั้งผู้ฝึกสอน และได้จำหน่ายอุปกรณ์ปิงปองมาโดยตรง  จึงได้รวบรวมถ่ายทอดออกมาเป็นความรู้ต่างๆ ที่เกี่ยวข้องในการผลิตโดยเฉพาะแบรนด์ต่างๆ มีแนวความคิดในการผลิตสินค้าของตนเองเพื่อให้ตรงกับสไตล์การเล่นของผู้เล่น  ดังนี้.....


ความเด้ง และ การควบคุม
คือหัวใจของการเลือกไม้เปล่าเพื่อให้เหมาะสมกับตัวเรา
SPEED & CONTROL

ชั้นไม้ (LAYER)

BLADE

ไม้เปล่าในการผลิตจะมีการนำเนื้อไม้มาวางประกอบกันเป็นชั้นๆ (ตามรูป)

- ยิ่งมีจำนวนชั้นไม้หลายชั้น จะยิ่งให้ความเด้ง (Speed) กับลูกปิงปองมากขึ้น
- ไม้ที่มีชั้นไม้ไม่มาก  จะเหมาะสำหรับการควบคุม (Control)
- ในท้องตลาดมีการผลิตออกมาหลากหลาย เท่าที่เคยเห็นมีทั้ง 1 ชั้น , 3 ชั้น , 5 ชั้น , 7 ชั้น , 8 ชั้น , 9 ชั้น


นัำหนัก (WEIGHT)

BLADE

ไม้เปล่าในการผลิตจะมีน้ำหนักที่แตกต่างกันไป  ไม้เปล่ารุ่นเดียวกันน้ำหนักก็ไม่เท่ากัน  สาเหตุเพราะวัสดุที่นำมาใช้ทำไม้เปล่าเป็นเนื้อไม้ธรรมชาติ ซึ่งไม่สามารถควบคุมเรื่องน้ำหนักได้ เนื่องจากไม้แต่ละแผ่นมีความหนาแน่นไม่เท่ากัน ดังนั้นจึงเป็นเรื่องยากที่หากต้องการไม้ที่หนักตามน้ำหนักที่เราต้องการ

ข้อแตกต่างระหว่างไม้ที่มีน้ำหนักมาก กับ ไม้น้ำหนักเบา

ไม้หนัก   
ข้อดี : 
-  จะตีลูกได้แรง และ ลูกวิ่งเร็วกว่า ลดแรงสะเทือนเมื่อลูกกระทบหน้าไม้
ข้อเสีย :
-  การเหวี่ยงไม้จะช้า , ควบคุมลูกหมุนได้ยาก , อ่อนล้าได้เร็ว

ไม้เบา
ข้อดี :
-  จะตีลูกหมุนได้ดี ควบคุมทิศทางได้ดีกว่าไม้หนัก
-  วงสวิงเพื่อเตรียมตีลูกต่อไปทำได้เร็ว
ข้อเสีย :
-  แรงปะทะลูกจะน้อย เมื่อต้องปะทะกับลูกที่มารุนแรง
-  ตีลูกได้ไม่รุนแรงเท่าไม้หนัก

น้ำหนักไม้ปิงปองที่เหมาะสมจึงขึ้นอยู่กับ สไตล์การเล่น และ ความแข็งแรงทางกายภาพ ของแต่ละบุคคลครับ ไม้ปิงปองสำหรับผู้ใหญ่ส่วนใหญ่มักมีน้ำหนักรวม (รวมยางแล้ว) อยู่ในช่วง 160 ถึง 200 กรัม โดยประมาณ


o  หากคุณเป็นผู้เล่นที่เน้นความเร็วและกำลัง แนะนำเลือกไม้ที่ค่อนข้างหนัก


o  หากคุณเน้นการสร้างลูกหมุนและการควบคุม แนะนำไม้ที่เบา เพื่อให้การใช้ข้อมือทำได้ง่ายขึ้น

เนื้อไม้ (WOOD)

ผิวนอกสุด : เนื้อไม้ที่นิยมนำมาผิวชั้นนอกสุด ที่รองรับฟองน้ำของยางปิงปอง ได้แก่...

LIMBA เป็นไม้เนื้อแข็งปานกลาง ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวล ควบคุมลูกได้ดี แต่มีพลังสูง

KOTO เป็นไม้เนื้อแข็งและแน่น ให้ความเร็วได้ดี

HINOKI จะเป็นไม้เป็นที่ต้องใช้เวลาปลูกกว่าจะใช้งานได้เป็นเวลานาน เป็นไม้ที่ให้แรงดีดได้ดี และเนื้อไม้มีความนุ่ม  เนื้อไม้ประเภทนี้มีทั้งนำมาใช้เป็นผิวไม้ด้านนอกสุด และ นำมาผลิดทั้งแผ่น ( 1 ชั้น ) ซึ่งไม้ 1 ชั้นจะมีราคาที่สูงมาก

WALNUT  เนื้อจะแข็ง ให้แรงดีดได้ดี ให้ความเร็วสูง

ROSEWOOD  ไม้เนื้อแข็ง แน่น เสียงดัง 


BLADE

สำหรับเนื้อไม้ที่นำมาใช้ในการผลิตเป็นไม้เปล่านั้นมีหลายประเภท ซึ่งเนื้อไม้แต่ละประเภทจะมีคุณสมบัติความหนาแน่นของเนื้อไม้ที่แตกต่างกัน  ซึ่งก็จะให้ความรู้สึกเมื่อลูกปิงปองมากระทบหน้าไม้แตกต่างกันไป  โดยประเภทของเนื้อไม้ที่มักจะนำมาผลิตไม้เปล่า  มีดังต่อไปนี้...


เนื้อไม้ชั้นใน : เนื้อไม้ที่นิยมนำมาใช้ในการผลิตเป็นแกนกลาง หรือชั้นรองลงมาจากชั้นนอก  ได้แก่...

KIRI เป็นไม้เนื้อเบา มีความนุ่มนวลและยืดหยุ่นสูง  ควบคุมลูกได้ดี

AYOUS เป็นไม้เนื้ออ่อนถึงปานกลาง น้ำหนักเบา เนื้อไม้ละเอียด ราคาไม่สูง

MAHOGANY เป็นไม้เนื้อแข็ง มีความหนาแน่นสูง



ขนาดของหน้าไม้ (BLADE SIZE)

ลูกอยู่บนหน้าไม้ได้นานขึ้น จะมีขนาดใหญ่กว่าปกติทั่วไป
สำหรับสไตล์รับหรือติดยางเม็ดยาว
หน้าไม้ขนาดปกติทั่วไป
สำหรับนักกีฬาทั่วไป
หน้าไม้เล็ก น้ำหนักเบา
เหมาะสำหรับเด็กเล็ก

วัสดุที่นำมาแทรกในชั้นไม้ (FIBER)

จากกติกาข้างต้นที่อนุญาตให้มีไส้ต่างๆ ได้ โดยมีความหนาโดยรวมไม่เกิน 0.35 มิลลิเมตร หรือไม่เกิน 7.5% ของความหนาชั้นไม้นั้น

ไส้ต่างๆ เหล่านี้โดยรวมแล้ว จะมีส่วนเพิ่ม SWEET SPOT บนหน้าไม้ สำหรับในกีฬาปิงปองแล้วก็คือการเพิ่มพื้นที่ควางเด้งบนหน้าไม้ให้กว้างขึ้นนั่นเอง

ตัวอย่างเช่น... ไม้ธรรมชาติล้วน จุดที่เด้งที่สุดบนหน้าไม้จะอยู่ที่กลางไม้ แต่เมื่อเสริมไส้ต่างๆ เข้าไปในชั้นไม้ พื้นที่ความเด้งก็จะกระจายไปถึงขอบๆ ของไม้ปิงปองได้

- ไม้ชั้นไม้ธรรมชาติล้วน จุดเด้งอยู่ที่กลางไม้
- ไม้ไส้คาร์บอน จุดเด้งกระจายไปทั่วทั้งหน้าไม้

สำหรับชื่อของไส้ใยสังเคราะห์ต่างๆ นั้น แต่ละแบรนด์ก็จะตั้งชื่อกันขึ้นมาเอง ซึ่งแบรนด์ดังๆ เขาจะไม่ต้องชื่อเหมือนกัน ใครคิดค้นได้ก่อนก็จะตั้งชื่อเป็นของตนเองเพื่อให้ลูกค้าได้จดจำชื่อไส้นั้นๆ ของแบรนด์เขาครับ